2417 จำนวนผู้เข้าชม |
ไขข้อข้องใจ 7 ข้อแตกต่างที่ควรรู้ของวัสดุพื้นลายไม้
พื้นของบ้านถือวัสดุส่วนหนึ่งที่ทำให้บ้านน่าอยู่ ต้องมีองค์ประกอบมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งความสวยงามของบ้านนั้นไม่ได้อยู่ที่สไตล์ของบ้าน หรือการตกแต่งภายในที่ลงตัวเพียงอย่างเดียว แต่องค์ประกอบเล็กๆ อย่างพื้นบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บ้านดูสวยงามขึ้นได้ ในท้องตลาดปัจจุบันวัสดุที่ใช้ในการปูพื้นมีอยู่มากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป การจะตัดสินใจเลือกใช้ก็ควรคำนึงถึงความต้องการและประโยชน์ในการใช้สอยภายในบ้าน วัสดุปูพื้นที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เช่น
1. กระเบื้อง กระเบื้องปูพื้น เป็นวัสดุปูพื้นที่นิยมมาก เพราะมีราคาถูก มีความแข็งแกร่งทนทาน น้ำหนักเบา กันปลวก กันน้ำได้ดี ทำความสะอาดง่าย ทั้งยังมีลวดลายมากมายและสีสันสดใส ติดตั้งได้ทั้งภายนอกและภายในอาคารได้ ในปัจจุบันมีมากมายหลายประเภทให้เลือก ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยหลักๆ จะแบ่งเป็นกระเบื้องปูผนังกับกระเบื้องปูพื้น ซึ่งเวลาเลือกซื้อควรตรวจดูอย่างละเอียด เนื่องจากกระเบื้องปูพื้นจะต้องเป็นกระเบื้องที่สามารถรับน้ำหนักและแรงกดได้ดี แต่ถ้าช่างปูพื้นไม่ดีกระเบื้องจะแตกเสียหายและซ่อมค่อนข้างยาก ต้องเว้นขอบยาแนว ผิวสัมผัสไม่เหมือนไม้จริง และอีกข้อคือผิวสัมผัสค่อนข้างเย็นอาจไม่เหมาะกับบ้านที่มีผู้สูงอายุ และมีอายุการใช้งานที่นานมากกว่า 20 ปี
2. ลามิเนต ทำจากผงไม้บดผสมสารสังเคราะห์เป็นวัสดุปูพื้นที่มาทดแทนไม้จริงและไม้ปาร์เก้ พื้นไม้ลามิเนตเป็นพื้นยอดนิยมที่มักจะใช้ภายในของบ้านโดยมีข้อดีกว่าในแง่เวลาการติดตั้งที่รวดเร็ว ราคาถูก ผิวหน้าสามารถทนทาน ต่อรอยขูดขีด แรงกดกระแทกได้ดีกว่า และสามารถเลือกสีผิวหน้าให้เป็นลวดลายที่ต้องการได้ ทนความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ทนต่อสารเคมี และไม่ติดไฟ พื้นไม่เก็บฝุ่นและเชื้อโรค ทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนี้การติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตมีความง่าย ไม่ยุ่งยาก สามารถปูซ้ำใหม่ได้ทันทีหากต้องการโยกย้าย แต่ข้อเสียของพื้นไม้ลามิเนตคือ ไม่สามารถทำการขัดสีผิวหน้าของพื้นลามิเนตออกแล้วย้อมสีใหม่เหมือนกับไม้จริง ไม่สามารถทนความชื้นได้ ไม่ทนปลวก ส่วนการติดตั้งพื้นลามิเนตต้องทำการติดตั้งบนพื้นผิวที่เรียบเท่านั้นและอายุการใช้งานน้อยเพียง 10-15 ปี
3. กระเบื้องยางไวนิล ทำจากยาง PVC ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ปูพื้นภายในบ้านและสำนักงานมากทีเดียวจะมีลวดลาย สีสันที่ใกล้เคียงกับไม้จริงให้สัมผัสที่นุ่มนวล สามารถซ่อมแซมได้ง่าย และยังสามารถกันน้ำได้ดีอีกด้วย ไม่มีปัญหาในเรื่องของปลวกกิน หรือแม้แต่ราคาค่าใช้จ่ายนั้นก็ไม่สูงมากจนเกินไป แต่จะไม่ค่อยทนต่อการขีดข่วน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพสินค้าแต่ละแบรนด์ จะไม่เหมาะกับพื้นที่ที่ใช้งานหนัก ต้องรับน้ำหนักหรือมีการขูดขีดมาก เพราะมีแผ่นบางและต้องติดตั้งบนพื้นผิวที่เรียบเท่านั้น อาจจะมีการยืดหดตัวตามสภาพแวดล้อม การติดตั้งแบบใช้กาวมีอายุการใช้งานสั้นประมาณ 10-15 ปี ต่างจากการติดตั้งกระเบื้องยางแบบ Click Lock อายุการใช้งานซึ่งอาจอยู่ได้ถึง 15-20 ปีเลยทีเดียว
4. กระเบื้องยาง SPC หรือพื้นไม้ SPC เป็นพื้นกระเบื้องยางที่มีส่วนผสมจากพลาสติก PVC และหิน มีคุณสมบัติที่เหนียว ยืดหยุ่น ทนทานและแข็งแรงสูงมาก ผิวหน้าพิมพ์เป็นลายไม้ มีให้เลือกหลายสี หลายลวดลายเคลือบผิวชั้นบนสุดของวัสดุด้วยชั้น Wear Layer หรือชั้นเคลือบผิวหนา 0.30 มิลลิเมตร ที่ทำหน้าที่ป้องกันรอยขูดขีด และรองด้วยโฟมมากับวัสดุเพื่อความนุ่มสบายเท้า ข้อดีของกระเบื้องยาง SPC มีราคาที่จับต้องได้ มีความทนทานต่อความชื้น น้ำ และไฟ ไม่มีปัญหาเรื่องปลวกกินในอนาคต สามารถใช้ได้ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงภายในอาคาร เช่น ชั้นใต้ดิน พื้นบ้านชั้นแรก ห้องครัว แต่ผิวสัมผัสไม่ค่อยเหมือนไม้จริง จะค่อนข้างเรียบเนียนกว่า มีอายุการใช้งานประมาณ 15-20 ปี
5. Engineered Wood คือพื้นไม้ที่ผ่านการปรับคุณสมบัติให้เหมาะสมกับการก่อสร้าง สวยงาม คงทน ผิวสัมผัสเหมือนพื้นไม้จริง มีความสวยงามและความคงทน โดยจะประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 3 ชั้นขึ้นไป คือ ชั้นผิวหน้าที่ทำจากไม้จริง และชั้นอื่นๆ ทำจากไม้ประเภทยางพารา ยูคาลิปตัส ไม้อัด หรือวัสดุต่างๆ เพื่อเพิ่มความคงทน ปัจจุบันมีลายให้เลือกค่อนข้างเยอะ ให้ความรู้สึกทัดเทียมกับไม้จริง มีความคงตัวสูง ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการยืด หด โก่งเท่าไม้จริง และไม่สามารถขัดทำสีใหม่ได้เนื่องจากผิวหน้าบาง ไม่สามารถกันปลวก ไม่กันน้ำ มีราคามี่สูงเมื่อเทียบกับวัสดุทดแทนอื่นๆ มีอายุการใช้งานมากกว่า 10-20 ปี
6. Hybrid Engineered Wood เป็นนวัตกรรมวัสดุปูพื้นที่พัฒนามาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของ Engineered Wood แบบดั้งเดิม พื้นผิวทำมาจากผงไม้และพลาสติกพิมพ์ลายกับพื้นผิวให้สอดคล้องกันทำให้สัมผัสเหมือนไม้จริง ส่วนชั้นด้านล่างใช้ HDF ที่หนาแน่นและแข็งแรงเป็นพิเศษ ผสมสารกันน้ำ ทำให้กันน้ำ กันปลวก มีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวัสดุทดแทนอื่นๆ มีอายุการใช้งานมากกว่า 10-20 ปี
7. ไม้จริง พื้นไม้จริงเป็นวัสดุปูพื้นที่อยู่คู่กับการตกแต่งบ้านมาอย่างยาวนาน และถือว่ายังเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมไม่จางหาย และคงลวดลายสวยงาม แข็งแรง ทนทานของความเป็นไม้ ไม้ส่วนมากที่นำมาใช้เป็นไม้เนื้อแข็ง จำพวกไม้สัก ไม้แดง ไม้เต็ง แต่ปัจจุบันไม้ได้ลดจำนวนลงทำให้พื้นไม้มีราคาสูงขึ้นมาก จึงได้เกิดการพัฒนาผลิตวัสดุเพื่อทดแทนการใช้ไม้จริง โดยจะมีความสวยงามและความยืดหยุ่นไม่เท่าพื้นไม้จริง ในการใช้พื้นไม้จะต้องระวังเรื่องความชื้น ถ้าเปียกต้องรีบเช็ดและระวังรอยขีดข่วนอาจเกิดขึ้นง่าย ไม่ทนปลวก มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี แต่ต้องดูแลเรื่องปลวก
วัสดุปูพื้นแต่ละประเภทก็มีข้อดี ข้อด้อยต่างกันคนละแบบ ทั้งนี้การเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของบ้าน และควรพิจารณาจากความเหมาะสมต่อการใช้งาน วัสดุบางอย่างเพิ่มงบเล็กน้อย แต่อาจได้ความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวเพื่อบ้านอยู่สบาย ใช้งานได้ยาวๆ นั่นเอง